วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

คิดถึงอากง

ไปเชงเม้งครั้งนี้ปลุกความรักครอบครัวขึ้นมาหลายเท่า พี่น้องและเครือญาติต่างมารวมตัวกันเพื่อไหว้บรรพบุรุษ ระลึกถึงพระคุณของอากงอาม่า ทำให้รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่เราเกิดมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เพื่อนคนหนึ่งเคยเปรียบความสำคัญของครอบครัวกับละครสัตว์ เมื่อนักกายกรรมเดินทรงตัวกลางอากาศ มันช่างน่าหวาดกลัว แต่เขารู้ดีว่าหากผิดพลาดตกลงมาก็จะมีตาข่ายรองรับ

ในปัจจุบัน คนเราเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มุ่งทำงาน อยู่กับเพื่อน กับแฟน พักผ่อนกับตัวเอง หลายครั้งหลงลืมที่จะใช้เวลากับพ่อแม่ พี่น้อง และญาติ ทั้ง ๆ ที่เมื่อชีวิตมีปัญหา คนที่คอยโอบอุ้ม พยุงให้ลุกขึ้นมาก็คือครอบครัวเราเอง พ่อของดิฉันมีพี่น้องแปดคน แม่มีแปดคนเหมือนกัน ทั้งตระกูลตอนนี้มีญาติพี่น้อง 97 คน พอมานับจริง ๆ แล้วต้องร้องว้าว เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็มีคน 97 คนที่สนับสนุนเรา

ดิฉันได้คุยกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นเกี่ยวกับคอนโดสำหรับผู้สูงอายุ เขาบอกว่าที่ญี่ปุ่นเป็นที่นิยมมาก เพราะไม่เพียงเป็นทางเลือกจากบ้านพักคนชรา แต่ตอบโจทย์ความเป็นปัจเฉกบุคคลของคนในปัจจุบัน ดิฉันก็ถือเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง แต่จริงหรือที่คนเราอยากเป็นส่วนตัวจนถึงสุดท้าย หรือเป็นเพียงข้ออ้างจำเป็น เพราะไม่มีคนในครอบครัวใส่ใจจะเลี้ยงดูกันแน่

ดิฉันโชคดีที่มีคุณแม่เป็นตัวอย่างชั้นเลิศเรื่องกตัญญูกตเวที ตอนอากงยังมีชีวิตอยู่ เราจะไปรับอากงมาทานข้าวทุกวันเสาร์ตอนเย็น และวันอาทิตย์ อากงจะมาดูฟุตบอลที่บ้านของเรา

สมัยที่ดิฉันเรียนมหาวิทยาลัยที่อเมริกา ตัดสินใจเรียนภาษาจีน เพื่อเขียนจดหมายมาหาอากง คิดย้อนกลับไป อากงคงงงว่าดิฉันเขียนอะไรมา บางครั้งต้องเขียนเรียงความส่งครูโดยใช้คำศัพท์ที่ได้เรียนไปในสัปดาห์ก่อน มีครั้งหนึ่งเรียนเรื่องการครอบครองอาวุธ เพราะที่มิชิแกนเกิดเหตุนักเรียนยิงเพื่อนในโรงเรียนหลายครั้ง ดิฉันก็เขียนความเห็นของดิฉันไปให้อากงอ่าน เพื่อนเคยทักว่าอากงจะอยากอ่านหรือ ดิฉันคิดว่าอย่างน้อยอากงก็จะรู้ว่าดิฉันมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องรอบตัว น่าจะดี เพราะตอนเด็ก ๆ ก็ไม่ได้คุยเรื่องแบบนี้

กลับมาเรื่องเชงเม้ง บรรยากาศที่สุสานกุ้ยฮงปีนี้ดีเหลือเกิน ต้นไม้เขียวขจี ลมพัดเย็นสบาย นกกระสาเล่นน้ำที่บ่อน้ำด้านหน้า ตอนที่ดิฉันโปรยดอกไม้ที่หลุมฝังศพ ก็คิดว่าการตกแต่งบ้านให้บรรพบุรุษอยู่สบายและสวยงามมันดีอย่างนี้นี่เอง ทั้ง ๆ ที่โปรยมาทุกปี แต่เพิ่งมาเข้าใจปีนี้นี่เองค่ะ และก็คิดว่าการมาเชงเม้งที่มันดีเหลือเกิน เพราะเราได้มาหาอากง และได้เจอสมาชิกครอบครัวที่ไม่ได้เจอบ่อยด้วย

เย็นวันนั้น ไปนวดไทย บอกหมอนวดว่าไปเช้งเม้งมา หมอนวดบอกว่าพวกคนจีนได้ดิบได้ดี เพราะไหว้บรรพบุรุษนั้นเอง ความจริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเชื้อชาตินะคะ แต่สิ่งที่กระทบใจดิฉัน คือ บางคนไม่ได้ไหว้บรรพบุรุษ และสำหรับหมอนวดท่านนั้น มันส่งผลกระทบต่อชีวิต ณ ปัจจุบัน

การปลูกฝังความรัก ความผูกพัน ในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ หากเด็ก ๆ ได้มีโอกาสไปพบปะปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา ได้เล่นกับลูกพี่ลูกน้องตั้งแต่เด็ก ๆ ความรักใคร่กลมเกลียวก็จะฝังลึก โดยเฉพาะในปัจจุบันที่พ่อแม่มักมีลูกคนเดียว การที่ไม่เคยต้องเสียสละของให้พี่น้อง การที่ไม่เคยได้เล่นเป็นกลุ่มใหญ่ โดนสั่งสอนโดยผู้ใหญ่ มันมีผลกระทบมากนะคะ เด็กบางคนร้องกลัวเมื่อต้องไปอยู่กับปู่ย่า เพราะได้ยินพ่อแม่บ่นขี้เกียจกลับบ้านบ่อยเกิน

อีกวิธีในการปลูกฝังความรักในครอบครัว คือ ผ่านการอ่านหนังสือค่ะ Tadao Miyamoto เขียนนิทานเสริมสร้างความผูกพันระหว่างคุณปู่คุณตากับหลานใน “เล่นกับปู่สนุกจัง” และยังมีตัวอย่างกิจกรรมที่พ่อแม่สามารถทำกับลูกได้ เช่น ให้เด็ก ๆ เล่าถึงประสบการณ์การเล่นกับปู่ (ย่า ตา หรือยาย) หรือทำการ์ดให้ญาติผู้ใหญ่ที่บ้าน

นักเขียนอีกคนที่ให้ความสำคัญกับญาติมาก คือ อีนิด ไบลตัน เช่นในวรรณกรรมเยาวชนชุด “ห้าสหายผจญภัย” เด็ก ๆ จะได้ไปอยู่บ้านของคุณอา และพวกเขาก็จะได้ไปผจญภัยแสนสนุกในทุกปิดเทอม

         ปีใหม่นี้ ดิฉันหวังว่าพวกเราจะจัดเวลาให้กับครอบครัวให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่พ่อแม่ลูกเท่านั้น แต่ให้กับลุงป้านาอา ลูกพี่ลูกน้อง และบรรพบุรุษที่เสียชีวิตไปแล้วด้วยนะคะ