สงกรานต์ที่ผ่านมา
ดิฉันได้พาคณะผู้บริหารจากโรงเรียนชื่อดังไปดูงานด้าน “อนุบาล” ที่กรุงเบอร์ลิน
ประเทศเยอรมนีค่ะ ถือเป็นทริปที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างมาก
เพราะได้เห็นโรงเรียนอนุบาลที่ดี และแหล่งเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยม
ท่านอาจสงสัยว่าทำไมต้องเยอรมนี
รู้ไหมคะว่าอนุบาลแห่งแรกของโลกเกิดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งโดยคุณฟรีดดริค
โฟรเบล และคำว่า kindergarten ที่เราใช้นั้นมาจากภาษาเยอรมัน แปลว่า สวนของเด็ก
ๆ
พวกเราได้ไปดูงานที่โรงเรียนอนุบาล 4 แห่ง
แต่ที่ดิฉันประทับใจที่สุด คือ อนุบาล “คาซ่า แฟนตาเซีย”
เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่ชื่อว่าโฟรเบลซึ่งเป็นเจ้าของอนุบาลทั้งหมด 125
แห่งในเยอรมนีและ 3 แห่งในประเทศออสเตรเลีย “คาซ่า แฟนตาเซีย” จัดการเรียนการสอนตามแนวทางของ “เรจจิโอ เอมิเลีย”
ซึ่งเป็นปรัชญาการศึกษาจากประเทศอิตาลี ริเริ่มในหมู่บ้าน “เรจจิโอ เอมิเลีย” หลังสงครามโลกครั้งที่
2
“เรจจิโอ” เชื่อว่าเด็ก ๆ มีสิทธิเท่าเทียมกับผู้ใหญ่
เพราะฉะนั้นควรปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเคารพ เสมือนเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง
โดยให้โอกาสเด็ก ๆ ทำสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำกัน เช่น ทำวิจัย คือ
เปิดโอกาสให้รู้จักสำรวจ สังเกต ตั้งสมมุติฐาน ตั้งคำถาม และอภิปรายความเข้าใจ
เพราะฉะนั้นเด็ก ๆ ในอนุบาลประเภทนี้จะเรียนรู้จากการทำโครงงานเป็นส่วนมาก
การให้เกียรติเด็ก ๆ ยังแสดงออกด้วยการกระทำอื่น ๆ เช่น
การตกลงกติกาก่อนทำกิจกรรม การเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ใช้สื่อการเรียนการสอนอย่างอิสระ
เปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการเรียน คือ
เรียนในสิ่งที่เด็กสนใจ
พิเศษสุด คือ เด็กทุกคนจะมี portfolio เฉพาะบุคคล
ที่ครูช่วยเด็กทำตั้งแต่เข้าเรียนครั้งแรก ในนั้นจะมีรูปถ่ายตั้งแต่เกิด
รูปถ่ายระหว่างทำโครงงาน (เด็กมีสิทธิเลือกรูปเอง) ผลงานของพวกเขา
และความคิดเห็นของเด็ก ๆ จากทุกกระบวนการ
ท่านอาจสงสัยว่าเด็กอนุบาลเขียนความคิดเห็นได้แล้วหรือ ครูในอนุบาลที่นี่จะต้องเขียนสิ่งที่เด็ก
ๆ พูด “คำต่อคำ” ลงไปใน portfolio
เพราะเมื่อเด็ก ๆ (และผู้ปกครอง) กลับมาเปิดดู
ก็จะเห็นถึงกระบวนการเรียนรู้และสิ่งที่ได้เรียนรู้ของตัวเอง
และเกิดความภูมิใจในตัวเองอย่างมากเลยค่ะ
หากเราปฏิบัติต่อเด็ก ๆ ด้วยความเคารพและให้เกียรติ
เราก็จะสามารถดึงศักยภาพการเรียนรู้ของเขาเองออกมาได้ ฟังดูง่ายแต่ทำยากนะคะ
จะสำเร็จได้ครูและผู้ปกครองต้องเข้าใจและเตรียมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาแบบนี้ด้วย
ซึ่งทำให้ดิฉันหวนนึกกลับมาที่ชีวิตการทำงานค่ะ
หลายครั้ง เราบอกให้คนนั้นทำอย่างนั้น อย่างนี้ ใช้ความคิดเราเป็นใหญ่
หากทำเช่นนี้ต่อไป เราจะพัฒนาทีมงานของเราได้อย่างไร
หากเราเปิดโอกาสให้ทีมงานเราทำงานเหมือนทำโครงงาน คือ รู้จักตั้งคำถาม สำรวจ
สังเกต อภิปราย ผลงานน่าจะออกมาดีกว่าเดิม และทีมงานน่าจะมีความสุขกว่าเดิม
เห็นด้วยไหมคะ
การสร้างคนให้รู้จักวิจัยและค้นคว้าไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในระบบโรงเรียนนะคะ
พวกเรายังได้ไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยสำหรับเด็กและเยาวชนชื่อ “ฟอร์เชอร์เวลท์”
ที่เมืองบลอสซีนอีกด้วยค่ะ ศูนย์นี้ถูกก่อตั้งโดยศูนย์เยาวชนของรัฐบาลท้องถิ่นและมูลนิธิบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย “ฟอร์เชอร์เวลท์” มีกิจกรรมหลัก คือ เชิญเด็ก ๆ (อายุ 3 – 11 ปี)
มาเข้าค่าย “วิจัยวิทยาศาสตร์” ตามหัวข้อที่เด็กสนใจ และใช้เวทีนี้พัฒนาครูแบบ hands-on
ในขณะเดียวกันค่ะ
การไปเบอร์ลินครั้งนี้จุดประกายให้ดิฉันอยากกลับมาทำหลายอย่างในประเทศไทยเรามากค่ะ
คงจะได้อัพเดทกันเป็นระยะนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น