สอนให้เด็กรักธรรมชาติ
โดย คิม จงสถิตย์วัฒนา kim@nanmeebooks.com
เดือนที่แล้ว
ดิฉันและคุณแม่ไปเที่ยวอุทยานที่นิกโก้ ประเทศญี่ปุ่น เดินกันยาวนานถึงแปดชั่วโมง
ผ่านน้ำตก 4 สาย ป่าสน หนองบึง
สู่ทะเลสาบ
ต้องยกมือให้การท่องเที่ยวของเขาที่อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวอย่างดี
ทั้งครอบครัวที่มีลูกเล็กจนถึงสองตายาย ทั้งการทำแผนที่ ทำทางเดินที่สะดวก
ที่สำคัญ ไม่ทำลายธรรมชาติ ต้นไม้ที่ล้มจะไม่ถูกเคลื่อน ยกเว้นขวางทางเดิน บางช่วงเมื่อเหลียวมองข้างทาง
จะเห็นรากไม้สวยตระหง่านตั้งมุมฉากกับพื้น
ดิฉันประทับใจพ่อแม่ที่พาลูก ๆ มาเที่ยว
ถึงแม้ว่าฝนจะตก ทุกคนก็ใส่เสื้อกันฝนค่อย ๆ เดินอย่างสบายใจ เด็ก ๆ
ตื่นตาตื่นใจมาก หยุดชี้และตั้งคำถามกับทุกสิ่ง ตั้งแต่ใบไม้ แมลง ดอกไม้
หรือสาหร่ายที่ถูกดึงตามสายน้ำ ดิฉันเองยังสงสัยมากว่า น้ำแรงขนาดนั้น ทำไมสาหร่ายจึงไม่ขาด
ธรรมชาติแสนลี้ลับและพิศวง จะปลูกฝังให้เด็ก ๆ รักธรรมชาติ ต้องออกมาเจอของจริงค่ะ
นอกจากไปสัมผัสของจริง
หนังสือยังเป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นยอด ทีมงานของดิฉันจัดพิมพ์หนังสือ
“นิทานวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กช่างสงสัย” มี 6 หมวดใหญ่ คอนเซ็ปของหนังสือต้องการ “ชักชวนให้เด็ก ๆ
มาเริ่มทำความรู้จักวิทยาศาสตร์ผ่านนิทานแสนสนุก
อธิบายหลักการวิทยาศาสตร์ด้วยวิธีง่าย ๆ
อาศัยเรื่องราวในชีวิตประจำวันที่เด็กพบเห็นจริง พร้อมกิจกรรมท้ายเล่มให้เด็ก ๆ
ได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ”
การใช้นิทานเป็นเครื่องมือจุดประกายเป็นสิ่งสำคัญมากนะคะ
ดิฉันอยากชวนคุณพ่อคุณแม่อ่านหนังสือให้ลูก ๆ ฟังทุกคืน
ถึงแม้ว่าลูกจะโตเกินกว่าจะอ่านนิทาน
อ่านเปลี่ยนเป็นอ่านวรรณกรรมเยาวชนให้ลูกฟังก็ได้
แล้วจะสลับให้ลูกอ่านให้เราฟังก็ได้ค่ะ
สิ่งที่ต้องการ คือ เรื่องราวในนิทานหรือวรรณกรรมจะกระตุกต่อมเอ๊ะให้รู้สึกสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น
จนเด็ก ๆ ต้องไปค้นคว้าหาความรู้ต่อว่ามันเป็นแบบนั้นได้อย่างไร
ซึ่งอาจไปสืบเสาะจากของจริงในสวนหลังบ้าน สวนสาธารณะ อุทยานแห่งชาติ
หรือผ่านหนังสือแนวเสริมความรู้ สารานุกรม การ์ตูนความรู้เป็นต้น หากจะต่อยอด
เมื่อไปค้นความรู้เสร็จ อาจสงสัยต่อว่ามันจริงอย่างที่หนังสือพูดหรือเปล่า
ก็ต้องพิสูจน์ด้วยการทดลองค่ะ
สุดสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันและเพื่อน ๆ
ไปเที่ยวภูหินร่องกล้า มีโอกาสเห็นลานหินปุ่มและลานหินแตก รู้สึกตื่นตาตื่นใจ
ได้เห็นปรากฏการณ์ธรนีวิทยาที่เคยเรียนในวิชาภูมิศาสตร์ด้วยตาของตัวเอง
ก่อนหน้านี้เคยเห็นแต่ในหนังสือ เลยอยากบอกทุกคนว่า
หากอยากเห็นพื้นหินจากมหาสมุทรที่ถูกดันขึ้นมาเป็นภูเขา ให้มาดูที่นี่
เมื่อเห็นของจริง จะเรียนเข้าใจและสนุกมากขึ้นไปอีก
ยังไม่พอ เราไปต่อกันที่ภูทับเบิก
เห็นทะเลหมอกที่สวยงาม ดิฉันตั้งคำถามว่า หมอกกับเมฆเหมือนกันหรือเปล่า
แต่ละคนก็มีคำตอบต่างกัน
ความขัดแย้งทางความคิดหรือความเข้าใจแบบนี้แหละค่ะที่จะเป็นตัวผลักดันของการเรียนรู้ชั้นดี
กลับมาบ้านต้องรีบมาหาคำตอบในหนังสือ ก็มาเจอคำตอบในหนังสือ “สารานุกรมทำไม
เฉลยสารพันข้อสงสัยที่คาใจเด็ก ๆ” โดย Choi, Hyang-Suk พอดี เพราะฉะนั้น หากเราอยากให้เด็ก ๆ
(หรือแม้ผู้ใหญ่) กระหายเรียนรู้อย่างไร ต้องพาไปเจอปรากฏการณ์แปลกใหม่
ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนมาก ๆ แล้วชวนคุยต่อ เห็นอะไร เพราะอะไร คิดอย่างไร เป็นต้น
อยากให้เด็ก ๆ ชื่นชมธรรมชาติอย่างไร ต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก
ขอปิดท้ายด้วยบทส่งท้ายของหนังสือ
“สิ่งมีชีวิตในป่า” โดย Tatsuhide Matsuoka
“ป่าดงดิบของโลกเรานี้ได้ถูกทำลายลง ทำให้พื้นที่ลดลงอย่างรวดเร็วถึง
170,000 ตารางกิโลเมตรต่อปี (1 ใน 3 ของประเทศไทย) ซึ่งแน่นอน พรรณสัตว์
พืชนานาชนิดที่เคยมีอยู่ก็สูญสิ้นไปก่อนที่มนุษย์จะได้รู้จักพบเห็นอีก
การสูญเสียนี้มีได้เพียงครั้งเดียว เพราะจะไม่มีการเกิดขึ้นทดแทนได้อีก ...
หนังสือภาพนี้จึงเขียนขึ้นเพื่อให้ผู้อ่านเกิดความสนใจสิ่งมีชีวิตบนโลก
แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี และหากป่าดงดิบยังคงอยู่
ความฝันที่มนุษย์จะได้พบสิ่งมีชีวิตและความรู้ใหม่ ๆ ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น