วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การศึกษาหลอมคนให้เป็นคน

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าจบมัธยมมา 11 ปีแล้ว!!!

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โรงเรียน British International School หรือที่เคยรู้จักกันในนาม Dulwich International College (DIC) จัดงานเลี้ยงรุ่นอย่างเป็นทางการครั้งแรก มีคนมาร่วมเกือบ 200 คน ตั้งแต่คนที่จบ ม. 6 ในปี 2001 ถึงปี 2012 ถือเป็นสุดสัปดาห์ที่สนุกที่สุดในปีนี้เลยค่ะ

โรงเรียนดิฉันมีนักเรียนจากหลายจังหวัด หลายประเทศค่ะ เป็นโรงเรียนนานาชาติหลักสูตรอังกฤษ เป็นโรงเรียนประจำด้วยค่ะ ครูใหญ่คนปัจจุบันเล่าให้พวกเราฟังว่าเจ้าของโรงเรียนตัดสินใจในปีที่แล้วว่าจะทำให้โรงเรียนเราเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรค่ะ เงินที่ได้จะนำไปลงทุนกับการเรียนรู้และตอบแทนสังคมค่ะ

เพื่อน ๆ ของดิฉันตอนนี้มีหลายอาชีพ เป็นทั้งนักธุรกิจ นักปีนเขา นักเขียน กัปตันเรือยอร์ช นักร้อง มีรุ่นน้องคนหนึ่งถ่ายรูปเก่งมาก อาชีพเขาคือเป็นช่างภาพให้ครอบครัวที่ไปเที่ยวต่างประเทศ!
หากไม่ได้พบปะเพื่อนเหล่านี้ คงติดกับกับชีวิต “กรุงเทพ” ที่คิดว่าโลกนี้มีเพียงไม่กี่อาชีพ...

ดิฉันขอยกคำพูดของอาจารย์ที่เคารพมาก คือ คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ “การศึกษาหลอมคนให้เป็นคน เป็นมนุษย์ที่มีความสามารถ” ดิฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง และการกลับไปที่โรงเรียนครั้งนี้ ยกความทรงจำดี ๆ หลายอย่าง จึงขอแบ่งปันกับทุกท่านค่ะ

ตอนเด็ก ๆ ดิฉันเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่มีค่าค่ะ เพราะเรียนไม่เก่งมาก ไม่เคยเป็นหัวหน้าห้อง และไม่เคยเป็นตัวแทนห้องไปประกวดอะไรเลยค่ะ

แต่เมื่อเข้าโรงเรียนดัลลิช โชคดี พบครูดี ทำให้เห็นว่า “ความเก่ง” มีมากมายหลายทาง ดิฉันได้มีโอกาสเล่นกีฬาหลายแบบ เล่นละครเวที ร้องเพลงประสานเสียง ที่สำคัญ โรงเรียนมอบโอกาสนี้ให้ทุกคน

น้องสาวของดิฉันเคยเป็นตัวแทนโรงเรียนแข่งว่ายน้ำท่าผีเสื้อกับโรงเรียนอังกฤษทั่วเอเชีย ไม่ใช่ว่ายเก่งนะคะ แต่อึดและไม่อาย ว่ายถึงคนสุดท้ายเลยค่ะ เมื่อถึงฝั่ง ได้ยินเสียงโห่ร้องให้กำลังใจแบบดังสนั่น
ในหลักสูตร นักเรียนทุกคนต้องทำกิจกรรมจิตอาสา ในสุดสัปดาห์จะมีให้ลงชื่อไปเก็บขยะที่ชายหาด ปลูกต้นไม้ ในชั้น ม. 5 และ 6 ทุกคนต้องทำกิจกรรมอาสาสมัครอย่างน้อย 50 ชั่วโมง หากไม่ทำ ถึงแม้ว่าจะสอบได้ดีเลิศ ก็จะไม่สามารถจบได้

บางคนก็คงไม่อยากทำหรอกค่ะ แต่โรงเรียนสร้างเวทีให้พวกเราได้ประสบการณ์ใหม่ ที่ขัดแย้งกับที่เคยเจอ หรือที่ว่ากันว่า “สร้าง impression ให้ฝังใจ” สุดท้าย ก็หวังว่าประสบการณ์เหล่านี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเราคิดดี ทำดี สร้างความแตกต่าง

ครูคนหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตดิฉัน คือ Dr. Peter Koret ครูชาวอเมริกันที่สอนวิชาวรรณคดีไทย พาพวกเราอ่านกวี “ดอกบัวจมน้ำ” อ่านนิยาย “ฟ้าบ่กั้น” “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” เข้าใจบ้าง งงบ้าง แต่อย่างน้อย ได้ impression ที่ติดอยู่ในใจค่ะ

ไม่เพียงแต่วิชาวรรณคดีนะคะ แม้กระทั่งวิชาภูมิศาสตร์ เมื่อ Mr. Richard Pool สอนเรื่องระบบนิเวศน์บนชายหาด ก็จะพาไปออกภาคสนามที่หาดกะรน เมื่อสอนเรื่องการพัฒนาของเมือง ก็พาไปตระเวนถนนบายพาส ตอนนั้น Mr. Pool บอกว่าถนนบายพาสจะเจริญมาก สมัยนั้น พวกเราคิดว่าจะจริงได้อย่างไร ไม่มีตึกแม้แต่ตึกเดียว มีแค่โลตัสตึกเดียว แต่กลับไปภูเก็ตครั้งนี้ ถนนบายพาสพัฒนามาก เป็นสายที่รถติดที่สุดเลยค่ะ

สองสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันไปร่วมเปิดงานสัปดาห์หนังสือและการเรียนรู้จังหวัดอุบล จัดโดยห้างสุนีย์ค่ะ ถือโอกาสไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติผาแต้มต่อ ระหว่างเดินชมภาพเขียนประวัติศาสตร์ impression ทุกอย่างที่เคยเรียนกับ Mr. Pool เรื่องการสร้างตัวของภูเขา หินชนิดต่าง ๆ ลอยมาเลยค่ะ

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ดีมาก คือ การเดินป่าในโครงการ The Duke of Edinburgh's Award ค่ะ ตอนนั้นโรงเรียนจัดให้พวกเราไปเดินป่าที่อุทยาแห่งชาติเขาสก จังหวัดพังงา สนุกมากเลยค่ะ สร้างความสามัคคี ความอึด และชื่นชมธรรมชาติ

เล่าย้อนอดีตมาเยอะ สิ่งที่ดิฉันขอฝากก็คือ ชีวิตเรามีสิ่งสวยงามมากมาย การวัดค่าของคนด้วยความสำเร็จของไม่กี่วิชาคงไม่ใช้อีกต่อไป

สิ่งที่ทุกคนต้องการคือโอกาส โอกาสที่จะสำรวจความชอบและความสามารถของตัวเอง เพื่อที่จะได้ค้นพบ “พื้นที่” ให้ตัวเองยืนและเฉิดฉายในสังคมค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น