วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

คุยกันเรื่องอะไร

คุณคิดว่าคุณรู้จักสมาชิกในครอบครัวคุณมากแค่ไหนคะ คุณอาจตอบว่า “ลูก/พี่/น้อง/แม่ตัวเอง ไม่รู้จักก็แย่แล้วค่ะ”
แล้วเมื่อคืนคุณคุยเรื่องอะไรบนโต๊ะทานข้าวคะ

คุณรู้สึกไหมคะว่า ทุกวันนี้เรา “คุย” กันน้อยลง เราอาจจะพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่เราไม่ค่อยได้คุยกันถึงความรู้สึกนึกคิดกัน

โลกปัจจุบันมีกิจกรรมที่ทำคนเดียวค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม เล่น social media หรือดูโทรทัศน์ หากไม่ดูแลให้สมดุล จะทำให้การสื่อสารระหว่างคนในครอบครัวลดน้อยลง รู้จักกันน้อยลง และขาดความเข้าอกเข้าใจกันนะคะ

ทุกคนเกิดมามีความรู้สึกนึกคิดต่างกัน หากไม่มีเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่ละคนก็จะยึดติดความเห็นตนเป็นใหญ่

ตอนดิฉันฝึกงานที่สำนักพิมพ์ Scholastic ดิฉันประทับใจปรัชญาบริษัทข้อหนึ่งมาก คือ “สร้างสังคมที่ปราศจากอคติและความเกลียดชัง” ซึ่งทำได้จริงหากสร้างเวทีให้คนเราได้พบกับความคิดเห็น ประเด็นสังคม และประสบการณ์ที่หลากหลาย

บทบาทของคนทำหนังสือ คือ มีเนื้อหาจากหลายแง่มุมและบริบท และสิ่งที่ทุกครอบครัวทำได้ คือ จัดเวทีสะท้อนความคิด ซึ่งทำได้ง่าย ๆ ที่โต๊ะทานข้าวของคุณค่ะ

ตอนดิฉันไปร้านหนังสือที่อเมริกา ซื้อ Chat Box มา 1 กล่องค่ะ คือกล่องที่บรรจุบัตรคำถาม เป็นไอเดียหัวข้อสนทนาบนโต๊ะอาหารค่ะ

วันแรกที่เอามาเล่นที่บ้าน คำถามคือ “บ้านในฝันของคุณเป็นอย่างไร” มีคนหนึ่งว่าดิฉันบ้าแล้วไม่คุยด้วยค่ะ แต่พอคนอื่นเริ่มพูดถึงบ้านในฝันของตัวเอง ทำให้รู้สึกแปลกใจมาก เพราะไม่เคยรู้ว่าน้องตัวเองคิดแบบนั้น แบบนี้ จนสุดท้าย (คนที่ไม่ยอมตอบ) ก็ยอมร่วมวงด้วยค่ะ

ช่วงแรกอาจจะยากหน่อยนะคะ เพราะพวกเราไม่ค่อยชินกับการพูดความรู้สึกตัวเอง บ้างอาจคิดว่าเสียเวลา บ้างอาจคิดว่าคนอื่นอาจไม่สนใจ อาจจะเริ่มด้วยแบบเล็ก ๆ ก่อนก็ได้ค่ะ

สมัยเด็ก คุณแม่จะให้ดิฉันและน้องสาวผลัดกันเล่าถึงสิ่งที่ดีและไม่ดีที่เกิดขึ้นในวันนั้น หรือบางครอบครัวจะเรียกว่า High-Low ถือเป็นการฝึกคิด ฝึกพูด ทุกวันเราจะเตรียมเรื่องมาเล่าบทโต๊ะอาหาร ทำให้เราสังเกตสิ่งที่เราได้พบเจอระหว่างวัน และตั้งคำถามว่าเราคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ค่ะ

คุณฮาเซงาวะ คะซุฮิโระ นักเขียนชาวญี่ปุ่นกล่าวในหนังสือ พลิกวิกฤตเป็นกำไร ว่าเราควรทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ดิฉันขอทิ้งท้ายตัวอย่างคำถามของคุณฮาเซงาวะให้เป็นหัวข้อบทสนทนาบนโต๊ะอาหารของคุณนะคะ
  • เรื่องที่ได้เรียนรู้ในวันนี้คืออะไร
  • วันนี้คิดไอเดียอะไรใหม่ ๆ ได้บ้าง
  • อะไรเป็นอุปสรรคของงาน / สิ่งที่ทำในวันนี้ สาเหตุคืออะไร
  • วันนี้ได้ขยับเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นแค่ไหน
  • ถ้าให้เพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องประเมินตัวเราวันนี้ น่าจะได้กี่คะแนน
  • วันนี้อารมณ์และความรู้สึกเป็นอย่างไร
  • เรื่องที่ดีใจและเรื่องที่เสียใจคืออะไร
  • วันนี้สภาพร่างกายเป็นอย่างไร ถ้าไม่พร้อม สาเหตุคืออะไร


การพูดคุยแบบนี้เป็นเรื่องดีนะคะ เพราะเป็นการฝึกตั้งคำถาม และ 1 คำถามมีได้หลายคำตอบ ระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมเน้นให้เราท่องจำ คำตอบที่ถูกมีแบบเดียวเท่านั้น วิธีการทำก็ต้องเหมือนกัน ทำให้เมื่อเจออุปสรรคในชีวิตจริง ไม่รู้จะแก้อย่างไร


แล้วคืนนี้คุณจะคุยกันเรื่องอะไรคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น